ถ้าคุณอยาก “ลอก” พอร์ตของ เรย์ ดาลิโอ

โดย ชัชวนันท์ สันธิเดช

มีเว็บไซต์หนึ่งของฝรั่งซึ่งผมเห็นว่าน่าสนใจ เขามักสรรหาวิธีสร้างพอร์ตแบบ passive คือการจัดพอร์ตแบบที่ไม่ต้องทำอะไรมากมาย ใครๆ ก็ทำได้ และสามารถได้รับผลตอบแทนที่ดีพอสมควร มีอยู่หลายสิบไอเดียเลยทีเดียว

หนึ่งในวิธีที่เขาเอามาโชว์ให้ดูคือการลอกพอร์ตของ “เรย์ ดาลิโอ” สุดยอดนักลงทุนและผู้จัดการกองทุนระดับโลก โดยเรียกมันว่า “พอร์ตสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกของเรย์ ดาลิโอ” (Ray Dalio All Weather Portfolio)

ส่วนผสมของพอร์ต “ลอกป๋า” นี้ไม่มีอะไรซับซ้อน และสามารถทำตามได้ “ง่ายมากๆ” ด้วยการซื้อ ETF เพียงห้ากองเท่านั้น ดังรายละเอียดต่อไปนี้

  1. เงิน 30% ซื้อ Vanguard Total Stock Market (ชื่อย่อ VTI) ลงทุนในหุ้น big cap ของสหรัฐฯ 
  2. เงิน 40% ซื้อ iShares 20+ Treasury Bond (ชื่อย่อ TLT) ลงทุนในพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐฯ
  3. เงิน 15% ลงทุนใน iShares 3-7 Year Treasury Bond (ชื่อย่อ IEI) ลงทุนในพันธบัตรระยะกลางของรัฐบาลสหรัฐฯ
  4. เงิน 7.5% ลงทุนใน SPDR Gold Trust (ชื่อย่อ GLD) ลงทุนในทองคำ
  5. เงิน 7.5% ลงทุนใน iShares S&P GSCI Commodity Indexed Trust (ชื่อย่อ GSG) เป็นกองทรัสต์ที่กระจายการลงทุนไปในโภคภัณฑ์หลายประเภท 

ทั้งหมดนี้ด้วยเงื่อนไขสองประการ คือให้ rebalance พอร์ตทุกต้นปี และเอาเงินปันผลกลับไปลงทุนทั้งหมด

ผลตอบแทนที่ได้รับในรอบสิบปีหลังสุดจากพอร์ตดังกล่าวอยู่ที่ 7.21% โดยจะทำให้เงิน 1,000 เหรียญที่ลงทุนไปเมื่อเดือน พ.ย. ปี 2010 กลายเป็น 2,006.45 เหรียญในวันที่ 30 ต.ค. 2020

คิดเป็นผลตอบแทน 100.64% (สิบปีเพิ่มขึ้นสองเท่า) เทียบกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยซึ่งในช่วงเวลาเดียวกัน (ปี 2010-2020) ให้ผลตอบแทนเพียง 16% แล้ว ถือว่าดีกว่ามาก

แต่ต้องบอกก่อนว่านี่เป็นเพียงพอร์ตที่ “คล้ายๆ” กับของป๋าเท่านั้น โดยอาศัยคอนเซ็ปต์ว่าป๋าเน้นลงทุนในหุ้นสหรัฐฯและพวกโภคภัณฑ์ แต่รายละเอียดยังมีจุดที่ต่างจากพอร์ตจริงของป๋าอีกเยอะ

เป็นต้นว่าช่วงปีหลังๆป๋าซื้อหุ้นจีนเยอะมากแต่พอร์ตนี้ไม่มีหุ้นจีนเลย (ซึ่งถ้ามีก็จะโตกว่านี้อีกมาก) เพราะไอเดียของเว็บไซต์นี้คือเน้นให้คนทุกคนทำตามได้จริง ไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ

ใครอยากสร้างพอร์ตอย่าง เรย์ ดาลิโอ ก็เชิญได้ตามสบาย แค่ไปเปิดพอร์ตหุ้นต่างประเทศกับโบรกฯ ไหนก็ได้ โอนเงินไปสักก้อนแล้วสั่งซื้อตามนี้ หรือถ้าอยากได้ผลตอบแทนมากกว่านี้ ลองเข้าไปดูต่อในเว็บไซต์ (ตามลิงค์ด้านล่าง) อาจจะมีพอร์ตที่ตรงจริตของคุณมากกว่าของดาลิโอก็ได้ และขอออกตัวว่าผมไม่ได้เชียร์ให้ใครลงทุนตามนี้ครับ

————————

(ข้อมูลประกอบจากเว็บ lazyportfolioetf.com )

ป๋าชี้ชัด ต้องซื้อ “หุ้นจีน” ฟันธง นี่คือเวลา “สุดพิเศษ” ของการลงทุนหุ้น

โดย ชัชวนันท์ สันธิเดช

เรย์ ดาลิโอ มหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของโลกและสุดยอดผู้จัดการกองทุนออกมาบอกว่า ขณะนี้เป็น “ช่วงเวลาพิเศษสุดๆ” สำหรับตลาดหุ้นโลก ด้วยการที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญความท้าทายอย่างหนักจากสารพัดปัญหา ขณะที่จีนถีบตัวขึ้นมาเป็นตัวหลักในการแข่งขัน

“ป๋าเรย์” บอกว่า เขาเล็งเห็นถึงความจำเป็นที่พอร์ตของบริดจ์วอเทอร์ บริษัทกองทุนของเขา ต้องมีสินทรัพย์ในจีน “เป็นจำนวนมาก” ทั้งนี้จากการวิเคราะห์ประวัติศาสตร์ย้อนหลังถึง 50 ปี และด้วยความที่ธรรมชาติของเขา เป็นคนที่ชอบ “เดิมพันกับสิ่งที่คิดว่าจะเกิดขึ้น”

ดาลิโอบอกว่า แม้พัฒนาการด้านตลาดเงินของจีนจะค่อนข้างล้าหลัง เมื่อเทียบกับการเติบโตของประเทศในรอบหลายทศวรรษที่ผ่านมา แต่เขาเชื่อว่าเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ แล้ว แผ่นดินมังกรจะ “ไล่ทันอย่างแน่นอน” ด้วยสัดส่วนการค้ามหาศาลในระดับโลก

สำหรับไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ตามรายงานที่ยื่นต่อ กลต. ปรากฏว่ากองทุนบริดจ์วอเทอร์ของดาลิโอเข้าซื้อหุ้นในบริษัทต่างๆ เป็นจำนวนมาก แต่ในสิบอันดับแรกล้วนเป็นหุ้นสหรัฐฯ และเป็นหุ้นในโลกเก่า ซึ่งแทบทั้งหมดเป็นแบรนด์ที่คุ้นหูคนทั่วโลกเป็นอย่างดีอยู่แล้ว และไม่ใช่เทคสต็อคที่เคยร้อนแรงในช่วงต้นของการระบาดของโควิดแต่อย่างใด

โดยเรียงลำดับจาก 1 ถึง 10 ได้ดังนี้ 1. วอลมาร์ท (195 ล้าน) 2. พีแอนด์จี (170 ล้าน) 3. โคค่าโคล่า (100 ล้าน) 4. จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (99 ล้าน) 5. เป๊ปซี่โค (96 ล้าน) 6. แม็คโดนัลด์ (77 ล้าน) 7. แอ็บบ็อตต์ (47 ล้าน) 8. มอนเดอเลซ (39 ล้าน – บริษัทอาหารเครื่องดื่ม) 9. Estee Lauder (38 ล้าน) 10. ดานาเฮอร์ (37 ล้าน – บริษัทผลิตเครื่องมืออุตสาหกรรม)

(ข้อมูลประกอบจาก Yahoo Finance และ Bloomberg)

ป๋าคลั่ง! ตะลุยซื้อทองหมื่นกว่าล้าน

IMG_1654
โดย ชัชวนันท์ สันธิเดช
เรย์ ดาลิโอ ยังแน่วแน่ไม่เปลี่ยน ล่าสุด กองทุนบริดจ์วอเทอร์ของเขา ไล่เก็บทองคำมูลค่า
ถึง 400 ล้านเหรียญ (12,800 ล้านบาท) ในไตรมาสที่สอง
จากแบบ 13F ที่รายงานต่อ กลต.เปิดเผยว่า บริษัทของป๋าได้สอยทองคำเข้าพอร์ต ไว้ใน ETF ทองคำสองกอง ได้แก่ iShares Gold Trust และ SPDR Gold Trust ซึ่งทั้งสองกองเป็น ETF ทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ทั้งนี้ มูลค่าทองคำใน SPDR กองเดียว ก็ปาเข้าไปถึง 914.3 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก Q1 ซึ่งอยู่ที่ 600 ล้านเหรียญ หรือเพิ่มราว 52% เช่นเดียวกับกองทุน iShares ที่มีทองเพิ่มขึ้นจาก 176 ล้าน เป็น 268.4 ล้านเหรียญ เพิ่มราว 52% เช่นกัน โดยทั้งสองกองถือทองคำไว้ 40 และ 16 ล้านออนซ์ ตามลำดับ
จะเห็นได้ว่า “ป๋าเรย์” กำลังไล่เก็บทองคำอุตลุตเลยทีเดียว
โดย ณ สิ้นสุด Q2 พอร์ตของบริดจ์วอเทอร์ มีมูลค่าอยู่ที่ 5,960 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจาก Q1 ประมาณ 1,000 ล้านเหรียญ ซึ่งถือว่าไม่ขี้เหร่ แม้ก่อนหน้านี้ในช่วงต้นของการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัส ดาลิโอจะบ่นว่าตัวเองทำพลาดไปมากมาย
ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นถึง 26% และยังอยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ ทำให้นักลงทุนแห่กันเข้ามาซื้อ ETF ทองคำเป็นจำนวนมาก จนล่าสุด ETF ทั่วโลกถือทองคำไว้รวมกันมากกว่าธนาคารกลางเยอรมนีเสียอีก จะเป็นรองก็แต่ธนาคารกลางสหรัฐฯ เท่านั้น

สาเหตุสำคัญที่ราคาทองคำขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี ได้แก่ การอ่อนลงของเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ อันเป็นผลจากนโยบายการเงินที่ปั๊มเงินเข้าระบบเพื่อกู้เศรษฐกิจจากวิกฤตโคโรน่าไวรัส ส่งผลให้ค่าเงินอ่อนและดอกเบี้ยต่ำ คนจึงหันมาสะสมทองคำ ซึ่งถูกทองว่าเป็นแหล่งเก็บเงินที่ปลอดภัย

และแม้เมื่อไม่กี่วันก่อนทองจะตกลงมาเยอะ เพราะมีการเตือนกันว่าราคาเฟ้อเกินไปแล้ว แต่หลายฝ่ายก็เชื่อว่า ด้วยสถานการณ์โลกที่ยังไม่มีความแน่นอน บวกกับเงินดอลลาร์ที่สาละวันเตี้ยลง น่าจะทำให้ราคาทองคำยังเป็นขาขึ้นต่อไป
———
ข้อมูลประกอบจาก Business Insider และ Bloomberg