

โดย ชัชวนันท์ สันธิเดช
อย่างที่เคยบอกไปแล้วในเพจเฟซบุ๊ก Club VI ว่า ผมตัดสินใจออกเดินทางไกลเพื่อภารกิจ “scuttlebutt หุ้น” โดยจะเขียนบทความเชิงลึกแนว investigative สำหรับหุ้นแต่ละตัวให้ได้อ่านกันเรื่อยๆ
เรื่องที่จะเล่าในตอนนี้ มาจากการที่ผมมีโอกาสได้เข้าร่วมประชุมออนไลน์ กับ มิคาเอล โคลเมิล ผู้ประกอบการชื่อดังชาวเยอรมัน
มิคาเอลเป็นเจ้าของบริษัทภาพยนตร์ สำนักพิมพ์ และเป็นอดีตเจ้าของสนามฟุตบอล ซึ่งปัจจุบันคือ Red Bull Arena ของสโมสร RB Leipzig อีกด้วย
ระหว่างการประชุม มิคาเอล เล่าให้ฟังถึงเส้นทางการทำธุรกิจของเขา จุดเริ่มต้นคือเขาและน้องชายได้ตั้งบริษัทจัดจำหน่ายภาพยนตร์ขึ้นเมื่อปี 1984 โดยเน้นขายเฉพาะ “หนังอินดี้” ทำให้มีกลุ่มลูกค้าหลักคือโรงหนังอาร์ตๆ ทั้งหลาย (ถ้าเป็นเมืองไทยคงประมาณลิโด้ สกาล่า) และแล้วในปี 1996 บริษัทของเขาก็รวยเละ จากหนัง “The English Patient” ซึ่งได้รับรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ทำให้มิคาเอลสามารถเอาบริษัทเข้าตลาดหุ้นได้สำเร็จ

บริษัทของมิคาเอลเป็นเจ้าของสัมปทานสื่อกระจายเสียง และเขาก็เกิดไอเดียว่าคอนเท้นท์ที่จะดึงคนดูได้คือ “ฟุตบอล” จึงตัดสินใจที่จะเข้าลงทุนในสโมสรฟุตบอลจำนวนมาก ด้วยการเลือกเฉพาะทีมที่กำลังประสบปัญหา โดยหวังว่าถ้าทีมกลับสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง ก็จะสร้างผลตอบแทนให้กับบริษัท แต่แล้วกลยุทธ์นี้ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จนเป็นสาเหตุสำคัญทำให้บริษัทล้มละลาย
ทว่าด้วยความสู้ไม่ถอย มิคาเอลจึงสามารถพลิกฟื้นอาณาจักรธุรกิจกลับมาได้ และเติบโตยิ่งกว่าเก่าเสียอีก หนึ่งในนั้นคือการสร้าง Kinowelt TV ช่อง pay TV ที่เขาหุ้นกับน้องชายคนละครึ่ง ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างงดงาม และขายให้ AMC Networks (บริษัทที่หุ้นถูกดันโดยชาว Reddit พร้อมๆ กับ Gamestop) ไปเป็นเงินก้อนโต
ในปี 2000 บริษัทของมิคาเอลได้สิทธิ์ในการเข้าไปก่อสร้างและบริหารสนามกีฬา Leipzig Central Stadium ซึ่งเคยเป็นสนามกีฬาขนาดใหญ่ที่สุดของเยอรมนีตะวันออก โดยใช้เงินลงทุนถึง 90 ล้านยูโร และในจำนวนนั้น เป็นเงินที่มิคาเอลควักกระเป๋าเองถึง 27 ล้านยูโร ก่อนที่สนามแห่งนี้จะได้ใช้ในการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 ด้วย
และแล้ว การเดินหมากตาสำคัญในชีวิตธุรกิจของเขาครั้งหนึ่งก็มาถึง โดยมิคาเอลได้ติดต่อกลุ่ม Red Bulls ซึ่งก่อนหน้านั้นเพิ่งเข้าไปเทคโอเวอร์ FC Sachsen Leipzig ทีมท้องถิ่นของเมืองไลพ์ซิก แต่ไม่เวิร์กเพราะถูกต่อต้านจากแฟนบอลท้องถิ่น ให้เข้ามาลงทุนกับสโมสร SSV Markranstadt ในเครือข่ายของเขา ก่อนจะสปินออฟทีมฟุตบอลชายออกมา แล้วใช้ชื่อว่า RB Leipzig
ในฤดูกาล 2010/11 ทีม RB Leipzig ได้ย้ายมาเล่นที่สนาม Central Stadium ของมิคาเอล โดยกลุ่ม Red Bulls ได้รับสิทธิ์ในการตั้งชื่อ หรือที่เรียกว่า naming rights และเปลี่ยนชื่อสนามเป็น “Red Bull Arena” จากนั้นในปี 2016 มิคาเอลก็บรรลุข้อตกลงกับ Red Bulls ในการขายสนามให้กับกลุ่มทุนชื่อดังรายนี้ไปในที่สุด ขณะที่ทีม RB Leipzig ก็เติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นทีมชั้นนำของบุนเดสลีกา ลีกฟุตบอลสูงสุดของเยอรมนีจนถึงปัจจุบัน
ดังที่เคยเขียนเล่าไปแล้วว่าผมตัดสินใจออกมาหาประสบการณ์การลงทุนในต่างประเทศ แม้เคสนี้จะยังไม่สามารถแปลงเป็นโอกาสในการลงทุนได้ แต่ก็เป็นเรื่องน่าสนใจที่อยากเอามาเล่าสู่กันฟังครับ