

โดย ชัชวนันท์ สันธิเดช
อย่างที่เคยบอกไปแล้วในเพจเฟซบุ๊ก Club VI ว่า ผมตัดสินใจออกเดินทางไกลเพื่อภารกิจ “scuttlebutt หุ้น” โดยจะเขียนบทความเชิงลึกแนว investigative สำหรับหุ้นแต่ละตัวให้ได้อ่านกันเรื่อยๆ
วันนี้ผมได้นัดพบกับ “เจิ้น” อดีตผู้บริหารของ Meituan Dianping ซุปเปอร์แอพชื่อดังที่ไม่มีคนจีนคนไหนไม่รู้จัก ปัจจุบันเจิ้นย้ายมาอยู่ที่เยอรมนีเพื่อเรียน MBA และได้สละเวลาพูดคุยกับผม ทำให้ได้ทราบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับองค์กรแห่งนี้เยอะมากๆ
เนื่องจากคุยกันค่อนข้างยาว ผมขอสรุปเฉพาะประเด็นหลักๆ ไว้ในที่นี้เป็นเบื้องต้นก่อนนะครับ หากมีโอกาสจะเอามาเล่าเพิ่มเติมในภายหลัง
- เจิ้นบอกว่า ตอนนี้ Meituan กำลังทำหน่วยธุรกิจใหม่ขึ้นมา ใช้ชื่อว่า “เซ่อชวีถวนโก้ว” (社区团购) โดยเน้นขายสินค้าเกษตร ของสด เช่น ผัก ผลไม้ ในเมืองรอง (หมายถึงเมืองที่ยังไม่พัฒนาเต็มที่ ซึ่งทางจีนจัดอันดับเป็นเมือง tier 3, tier 4) คือให้ลูกค้าสั่งของผ่านทางแอพ Meituan และสามารถไปรับได้ที่ร้านขายผัก ร้านโชห่วย ใกล้บ้านได้ทันทีในวันรุ่งขึ้น (meituan มีโกดังทั่วประเทศอยู่แล้ว เมื่อมีออเดอร์เข้ามาก็แค่จัดส่งไปยังร้านรับของเท่านั้น)
- Meituan ได้ไปดีลกับพนักงานขายของร้านค้าในเมืองรองเหล่านั้น เพื่อให้เป็นตัวแทนของบริษัท ตัวแทนเหล่านี้จะเรียกว่า “ถวนโก้ว” ซึ่งล้วนเป็นชาวบ้านในท้องถิ่น ไม่ใช่พนักงานประจำ หน้าที่ของถวนโก้วคือให้ช่วยเชียร์สินค้าของ Meituan โดยจะได้รับส่วนแบ่ง 15% จากยอดขาย
- ปัจจุบัน “เซ่อชวีถวนโก้ว” เป็นหน่วยธุรกิจที่ Meituan ถือว่า “สำคัญที่สุด” ในบรรดาทุกธุรกิจของบริษัทเวลานี้ ถึงขนาดตั้งกฏว่า หากพนักงานคนไหนอยากย้ายมาทำงานที่หน่วยนี้ก็สามารถทำได้ทันที โดยไม่ต้องขออนุญาตจากหัวหน้า และจะได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นเยอะมาก แต่มีข้อแม้คือต้องทำงานวันเสาร์ด้วย จะเห็นได้ว่า Meituan ตั้งใจ “ทุ่มทุกอย่าง” จริงๆ เพื่อแย่งชิงตลาดนี้
- ใครที่ติดตามงานเขียนของผมมาตลอด (โดยเฉพาะใน My Value) คงพอทราบแล้วว่าใครที่ยึดครองตลาดนี้มาแต่เดิม คำตอบก็คือ “Pinduoduo” นั่นเอง โดย Pinduoduo เป็นผู้บุกเบิกการขายสินค้าเกษตรในเมืองรอง ซึ่งเป็นตลาดที่ยังไม่เคยมีใครเจาะมาก่อน จนทำให้บริษัทกลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงที่สุดในบรรดา tech company ของจีน และนี่แหละคือคู่แข่งตัวใหญ่ที่สุดที่ Meituan กำลังท้าทาย
- เจิ้นบอกว่า ตอนนี้ใครๆ ก็อยากมาแย่งตลาด tier 3-4 เพราะคนที่นั่นยังเข้าไม่ถึงเน็ตอีกจำนวนมาก โดยเฉพาะคนแก่ๆ ที่ยังชอบไปซื้อของที่ร้านด้วยความคุ้นเคยและเชื่อว่าราคาถูกกว่า ต่างจากคนในเมืองใหญ่ที่ซื้อของผ่านออนไลน์หมดแล้ว (สอดคล้องกับที่ผมย้ำมาตลอดว่า ใครบอกว่าคนจีนเข้าถึงอินเทอร์เนตหมดแล้วนั้นไม่จริงแน่นอน เพราะในเมืองรองๆ ยังมี penetration rate ต่ำมากเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่ๆ)
- เจิ้นบอกว่า “จิงตง” (หมายถึง JD. com) ก็กำลังพยายามเข้ามาในเมืองรองเช่นกัน เพราะ JD ขยายตลาดในเมือง tier 1-2 ได้ยากมากแล้ว (JD เน้นขายของแบรนด์ สินค้าไฮเอนด์ ตลาดหลักจึงเป็นเมืองใหญ่ๆ ตรงข้ามกับ Pinduoduo ที่ทำแบบ “ป่าล้อมเมือง” คือเริ่มจากเมืองรองและกำลังขยายเข้ามายังเมืองใหญ่)
- แม้แต่ meituan เอง ตัวเลข MAU (monthly active user หรือผู้ใช้ที่มีความเคลื่อนไหวต่อเดือน) ในเดือนหลังๆ ก็แทบไม่ขยับ ขณะที่เมืองรองยังมีโอกาสอีกมาก (เจิ้นย้ำถึงความสำคัญของตัวเลขนี้ ซึ่งผมเองก็เห็นด้วยว่านี่คือตัวเลขที่เป็นหัวใจสำคัญของบริษัทเทคเลยทีเดียว)
- เจิ้นย้อนความหลังงว่า เมื่อก่อน Meituan เริ่มจากการทำ food delivery แต่ตอนนี้เป็นแทบทุกอย่าง เป็นแอพเรียกแท็กซี่ เป็นโน่นเป็นนี่ และกำลังมุ่งที่จะเป็น marketplace เหมือน Alibaba เหมือนกับ Tencent ที่แต่เดิมทำวีแชท แต่ตอนนี้กลายเป็นซุปเปอร์แอพ มีทุกอย่างในแอพเดียว
- เจิ้นบอกว่า Meituan พร้อมขยายธุรกิจไปตามความต้องการของลูกค้า ลูกค้าต้องการอะไรก็พร้อมที่จะไปทำ เหมือน Amazon แต่เดิมขายหนังสืออย่างเดียว แต่ตอนนี้ทำหลายอย่างมาก แม้แต่คลาวด์ก็ยังทำ ซึ่ง Meituan ก็จะดำเนินไปในทางนั้น
- เจิ้นบอกว่า Meituan ไม่กลัวที่จะขาดทุน ถ้าเห็นว่าโอกาสอยู่ที่ไหนก็พร้อมจะทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อแย่งชิงตลาดมา (การเป็น fist mover จะได้เปรียบมาก ถ้าสร้างฐานลูกค้าไว้ได้มากๆ สุดท้ายคู่แข่งก็จะตามไม่ทัน บริษัทเทคทั้งหลายจึงยอมขาดทุนในช่วงแรกก็ด้วยเหตุผลนี้ นี่แทบจะเป็นปรัชญาของ tech company เลยก็ว่าได้)
- อันนี้เด็ดมาก เจิ้นบอกว่า Meituan ตั้งเป้าว่าจะเป็นอย่าง Amazon ผมบอกเจิ้นว่าตรงข้ามกับ Alibaba เลย เพราะถ้าไปบอกคนของ Alibaba ว่าบริษัทของพวกเขาเป็น Chinese Amazon พวกเขาจะโกรธมาก เพราะเขาเชื่อว่าเขาเป็นมากกว่านั้น แต่เจิ้นบอกว่า Meituan ไม่ใช่อย่างนั้น บริษัทของเขาบอกชัดเลยว่าต้องการจะเป็น Amazon ของจีน
- เจิ้นบอกว่า พนักงาน Meituan จะมีแอพสำหรับสื่อสารกันในองค์กร ไม่ได้ใช้วีแชท (แน่นอนสิ ก็เป็นคู่แข่งกันอยู่ ไปใช้ของคู่แข่ง (หมายถึง Tencent) เดี๋ยวความลับรั่วไหล)
- ผมถามเจิ้นว่า เรื่องที่รัฐบาลจีนเข้ามา crackdown บริษัทเทค เขามองยังไง เจิ้นบอกว่าเขามองเป็นเรื่องที่ดี จะได้จัดระเบียบกันใหม่ให้ประชาชนได้ประโยชน์ แม้ว่าราคา Meituan จะลงมาเยอะมาก แต่ที่ผ่านมามันก็ขึ้นไปเยอะแล้ว ปรับลงมาก็ไม่แปลก (ในฐานะนักลงทุน เจิ้นมองว่าเป็นโอกาสซื้อด้วยซ้ำ แต่ผมไม่อยากให้มีการเชียร์หุ้นในข้อเขียนนี้ จึงไม่ขอให้ความเห็น และขอความกรุณาอย่าสนใจในประเด็นนี้นะครับ)
- เจิ้นบอกว่า คนที่จะขึ้นเป็นผู้บริหารผู้บริหารระดับสูงของ Meituan ได้ คือคนของ “หวัง ซิง” (CEO ของ Meituan) คนเหล่านี้บ้างก็เป็นศิษย์ร่วมสถาบัน หรือเป็นพรรคพวกของหวังซิง แต่ถ้าไม่ใช่ สูงสุดคือเป็นได้แค่ผู้บริหารระดับกลาง
ทั้งหมดนี้คือประเด็นหลักๆ ที่ได้จากการคุยกับเจิ้น ที่จริงยังมีรายละเอียดอีกมาก เอาไว้มีโอกาสจะมาเล่าให้ฟังต่อนะครับ
ผมยังมีงานเขียนเขิงลึกเช่นนี้อีกมาก ในแพลน My Value ที่จะให้แนวทางในการลงทุนหุ้นต่างประเทศกับทุกท่าน ท่านใดสนใจข้อเขียนเชิงลึกเช่นนี้ ซึ่งจะมีตามมาอีกมาก นอกเหนือจากที่โพสต์ให้อ่านฟรีในเพจ คลิกได้ ที่นี่ ครับ


