
โดย ชัชวนันท์ สันธิเดช
ตอนนี้หลายฝ่ายเริ่มมองข้ามช็อตกันว่า ในยุคของ ไบเดน-แฮร์ริส ชะตากรรมของ tech company ทั้งหลายที่กำลังร้อนแรงสุดๆ อยู่ในปัจจุบันจะเป็นอย่างไร
สองประเด็นหลักเกี่ยวกับบริษัทเทคเวลานี้ คือหนึ่ง จะโดนสั่งให้แตกบริษัทเพื่อป้องกันการผูกขาดหรือไม่ และสอง เรื่องความรับผิดชอบต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ดังกรณี Cambridge Analytica กับ Facebook ที่ส่งผลต่อผลการเลือกตั้ง ปธน. เมื่อครั้งก่อน จะป้องกันกันอย่างไร
โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อจากทรัมป์ เคยพูดชัดเจนว่า เขาต้องการยกเลิก section 230 ของรัฐบัญญัติ Decency Communications ซึ่งคุ้มครองบริษัทอินเทอร์เน็ต ไม่ให้ต้องรับผิดชอบต่อข้อมูลของผู้ใช้
แต่ว่ากันว่า คามาล่า แฮร์ริส running mate ของไบเดน มีความสนิทสนมกับบริษัทยักษ์ใหญ่ในซิลิคอนวัลเลย์ เพราะเธอเคยเป็นอัยการสูงสุดอยู่ที่แคลิฟอร์เนียหลายปี เมื่อไบเดนเลือกเธอ การยกเลิก section 230 ซึ่งจะส่งผลเสียต่อบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ทั้งหลายคงยากขึ้น หากเธอขึ้นเป็นรอง ปธน.
ประเด็นที่พูดกันอย่างกว้างขวางก็อย่างเช่น เทคโนโลยี face recognition ที่อาจเกิดความผิดพลาด โดยอาจจะ “จำหน้าผิด” ในกรณีของคนผิวสี ซึ่งหากถูกตำรวจเอาไปใช้ ก็อาจส่งผลให้เกิดความไม่เป็นธรรมหรือความผิดพลาดในการทำคดี (เช่น อาจมีคนผิวดำถูกจับผิดตัวเพิ่มขึ้น) โดยเวลานี้บริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่ง รวมทั้ง ไมโครซอฟท์ เลิกขายเทคโนโลยีดังกล่าวให้ตำรวจแล้ว
ประเด็นเกี่ยวกับอคติทางเชื้อชาติ สีผิว ฯลฯ อันเกิดจาก “อัลกอริธึ่ม” จึงน่าจะทวีความสำคัญขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาอันใกล้
ที่อยากเล่าเรื่องนี้ เพราะช่วงนี้พบว่าคนไทยหันมาสนใจ tech stock ของอเมริกามากขึ้นเรื่อยๆ เรื่องพวกนี้จึงควรรู้เอาไว้ประกอบการลงทุนครับ
————————
ข้อมูลประกอบจาก WSJ.com