
โดย ชัชวนันท์ สันธิเดช
หลังการตายของ “สตีฟ จ็อบส์” วอลล์สตรีทคาดกันว่า Apple คงแย่แน่ แม้แต่สาวก Apple ก็ยังกังวลเกี่ยวกับอนาคตของสุดยอดบริษัทนวัตกรที่ตัวเองรักแห่งนี้
ทว่าทุกวันนี้ หุ้น Apple ราคาสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ market cap ของบริษัทพุ่งขึ้นไปแตะ 2 ล้านล้านเหรียญ (64 ล้านล้านบาท) เป็นครั้งแรก สูงกว่า GDP ของแคนาดา รัสเซีย หรือสเปน และยังคงยึดครองตลาดสมาร์ทโฟนแบบเบ็ดเสร็จ
ปรากฏการณ์ทั้งหลาย เกิดขึ้นจากวิศวกรอุตสาหการที่ชื่อ “ทิม คุก” ซึ่งรับไม้ต่อจาก จ็อบส์ ผู้ล่วงลับ เขาได้แปรเปลี่ยนผลงานสร้างสรรค์ของ “ศาสดา” ให้กลายเป็นบริษัท Apple ในแบบของเขาเอง
อาจเรียกได้ว่าเป็นการรับไม้ต่อที่สวยสดงดงามที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยใช้ “ปฏิบัติการทางธุรกิจ” ไม่ใช่เวทมนตร์คาถาใดๆ
ในยุคของจ็อบส์ Apple รุกไปข้างหน้าด้วยนวัตกรรม โดยเข็นเอาผลิตภัณฑ์เปลี่ยนโลกใหม่ๆ เข้าสู่ตลาด ทว่าคุกกลับทำให้ Apple สะท้อนภาพของตัวเขาเองออกมา นั่นคือความระมัดระวัง การร่วมแรงร่วมใจกันในองค์กร และทำอย่างมียุทธวิธี
หลายฝ่ายเอาการเปลี่ยนผ่านของ Apple ไปเทียบกับเมื่อครั้ง บิล เกตส์ ปล่อยมือจากไมโครซอฟท์ รวมทั้งเมื่อครั้งที่ แจ็ค เวลช์ ปล่อยมือจาก GE ซึ่งเห็นได้ว่า Apple ทำได้ดีกว่ามาก
“ผมรู้ดีว่าสิ่งที่ผมต้องทำไม่ใช่การเลียนแบบเขา” คุกบอกกับ ESPN “ผมคงทุกข์ทรมานมากถ้าต้องทำอย่างนั้น และผมคิดว่าคนอื่นๆ ที่ต้องรับไม้ต่อจากคนที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างก็คงเป็นเช่นนี้ คุณต้องแผ้วถางเส้นทางใหม่ของตัวเอง คุณต้องเป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของตัวคุณเอง”
สิ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างคุกกับจ็อบส์ คือคุกได้ทำให้ Apple เป็นองค์กรที่น่าทำงานมากขึ้น มีบรรยากาศของการร่วมมือประสานงานกัน ไม่ใช่แข่งขันเอาเป็นเอาตาย หรือมีความลับต่อกันเหมือนยุคก่อน
นอกจากนี้ คุกยังเปลี่ยน Apple ให้เป็นบริษัทที่ใส่ใจในสิ่งแวดล้อม สวัสดิภาพ-คุณภาพชีวิตของแรงงาน และสังคมรอบข้างมากขึ้นอีกด้วย
ณ หลักกิโลเมตรที่ “2 ล้านล้าน” อาจกล่าวได้ว่า ณ วันนี้ ทิม คุก ได้ก้าวพ้นเงาของศาสดา สตีฟ จ็อบส์ โดยสมบูรณ์ และกลายเป็น CEO ที่ดีที่สุดในโลกธุรกิจยุคปัจจุบัน
(เร็วๆ นี้ รอพบหนังสือ “Tim Cook อัจฉริยะผู้นำพา Apple สู่อนาคตใหม่” ชีวประวัติ ทิม คุก ในเวอร์ชั่นภาษาไทย แปลโดย ชัชวนันท์ สันธิเดช แอดมิน Club VI โปรดติตตามครับ)
—-
เรียบเรียงส่วนหนึ่งจากบทความใน Wall Street Journal และข้อมูลประกอบจากหนังสือ Tim Cook , The Genius Who Took Apple to The Next Level