โดย ชัชวนันท์ สันธิเดช
เจโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ออกปากเองว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
ถือว่า “มีความไม่แน่นอนอย่างยิ่ง” และกลุ่มที่ต้องรับความเสี่ยงสูงสุด คือธุรกิจขนาดเล็ก และคนอเมริกันผู้มีรายได้น้อย รวมทั้งชนกลุ่มน้อยทั้งหลาย
ทั้งนี้ พาวเวลล์ได้เข้าให้ปากคำต่อคณะกรรมธิการกิจการธนาคารของสภาคองเกรสส์เป็นวันแรกเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยมีเนื้อหาส่วนหนึ่งว่า แม้จะมีตัวบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังผงกหัวขึ้น แต่ก็ต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะตั้งหลักได้ หลังถูกกระทบอย่างหนักจากวิกฤตโคโรน่าไวรัส
“ระดับผลผลิตและการจ้างงานยังต่ำกว่าก่อนเกิดโรคระบาดเยอะมาก ยังมีความไม่แน่นอนอย่างยิ่ง เกี่ยวกับจังหวะเวลาและความแข็งแกร่งของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ” ประธานเฟดผู้ได้รับคำชมอย่างยิ่งหลังออกมาตรการทางการเงินการคลังเพื่ออุ้มเศรษฐกิจอย่างทันท่วงทีกล่าว
“ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ เกิดจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความเป็นไปของโรค และผลกระทบจากมาตรการควบคุมโรค จนกว่าสาธารณชนจะเชื่อว่ามีการคุมโรคได้แล้ว เศรษฐกิจก็ยากที่จะฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่”
นอกจากนี้ พาวเวลล์ยังบอกอีกว่า ต้องระวังธุรกิจขนาดเล็กให้ดี “มหันตภัยโรคระบาดครั้งนี้นำมาซึ่งความเสี่ยงอย่างรุนแรงต่อธุรกิจขนาดเล็ก”
“หากธุรกิจขนาดเล็กหรือกลางพากันล้มละลายเพราะเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า เราจะสูญเสียมากกว่าธุรกิจเหล่านั้น เพราะธุรกิจเหล่านั้นคือหัวใจของเศรษฐกิจ และผูกโยงกับตำแหน่งงานของคนหลายต่อหลายรุ่น”
“ที่ผ่านมา ครอบครัวที่มีรายได้น้อย ได้ประสบกับการจ้างงานที่ลดต่ำลงอย่างรุนแรงที่สุด ขณะที่การตกงานของคนแอฟริกันอเมริกัน ฮิสแพนิค และผู้หญิง ก็มากกว่ากลุ่มอื่นๆ” เจ กล่าวต่อ
“ถ้าไม่คุม และไม่พลิกสถานการณ์ให้ได้ ขาลงครั้งนี้จะยิ่งเพิ่มความเหลื่อมล้ำของความอยู่ดีกินดีทางเศรษฐกิจให้มากขึ้นไปอีก”
และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งความคิดเห็นจากบุคคลผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการกอบกู้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในครั้งนี้ เรียกได้ว่าได้ยินแล้วยิ่งประมาทไม่ได้เลยทีเดียว