เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการประกาศผลประกอบการ Q3 ของเบิร์คไชร์ แฮธาเวย์ ปรากฏว่ากำไรร่วงลงถึง 24% เนื่องจากอนุพันธ์ที่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ซื้อไว้ในปี 2006-07 เกิดขาดทุนยับเยิน
แต่แล้วไม่ทันไร ปู่แกก็เข้าไปซื้อ “IBM” บริษัทคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่ระดับตำนาน ชนิด “ทุ่มทุนสร้าง” ทั้งๆ ที่ตัวแกขึ้นชื่อเรื่องไม่ชอบหุ้นเทคโนโลยีมาแต่ไหนแต่ไร ทำเอางงกันไปหมด
งงได้ไม่นาน พวกเราก็มาพบคำตอบในภายหลังว่า บัฟเฟตต์เข้าไปซื้อ IBM เพราะธุรกิจหลักกลายเป็นบริษัท Consultants ไปเสียแล้ว ไม่ได้พึ่งพานวัตกรรมใหม่ๆ ในการสร้างกำไรเหมือนอย่างที่เป็นมาตลอดตั้งแต่อดีต
ด้วยความหวือหวาของคุณปู่ตามที่ได้กล่าวมาแล้ว ทีมงาน Club VI จึงหารือกันว่า เราจะเริ่มปฏิบัติการ “ตามรอยบัฟเฟตต์” อย่างเป็นทางการ
ที่ต้องมา “ตามรอยปู่” กันตอนนี้ เพราะเรามองแล้วว่า บัฟเฟตต์กำลัง “อยู่ไม่นิ่ง” ที่สุดในรอบหลายปี นี่ก็เพิ่งบินไปญี่ปุ่นเพื่อร่วมพิธีเปิดโรงงานใหม่ของ “ทังกาลอย” (Tungaloy) บริษัทผู้ผลิตเครื่องมืออุตสาหกรรมสัญชาติญี่ปุ่นในเครือ “อีสคาร์” (Iscar) บริษัทผลิตเครื่องมือยักษ์ใหญ่ที่มีสาขาในเมืองไทยด้วย โดยพิธีที่ว่าจะมีขึ้นในวันจันทร์ที่ 21 พ.ย. นี้ ตามเวลาประเทศญี่ปุ่น
(บริษัท อีสคาร์ ที่ว่านี่ก็เป็นบริษัทลูกของ เบิร์คไชร์ แฮธาเวย์ อีกที ปู่แกจึงให้เกียรติเดินทางไปเปิดโรงงานใหม่ที่เขาว่ากันว่าอลังการงานสร้างนักหนาถึงเมืองฟูกูชิมา ซึ่งเดิมมีกำหนดจะจัดพิธีเปิดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา (22 มีนาคม) แต่เจอสึนามิและแผ่นดินไหวจนเสียหาย ต้องยกเลิกไป)
งวดนี้ บัฟเฟตต์มีกำหนดจะให้สัมภาษณ์สดกับ CNBC Asia อีกครั้ง หลังจากเพิ่งให้สัมภาษณ์ CNBC ยาวร่วม 3 ชั่วโมงในรายการ Squawk Box เมื่อ 14 พ.ย. ที่ผ่านมาเกี่ยวกับการเข้าซื้อ IBM
ยังไง Club VI เรา จะพยายามรวบรวมบทสัมภาษณ์ปู่บัฟฟ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเข้าซื้อ IBM รวมถึงการให้สัมภาษณ์ครั้งต่อๆ ไป ตลอดจนความเคลื่อนไหวต่างๆ เอามาถ่ายทอดไว้ในเว็บนะครับ
จะได้เป็นการ “ตามรอย” อย่างใกล้ชิด เก็บตกอะไรดีๆ จาก Idol ของเรามาให้หมดทุกเม็ด 🙂
การขาดทุนของคุณปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์ ก็คงเป็นอย่างคำกล่าวที่ว่า
“บางครั้งพญาอินทรี ก็บินต่ำกว่าไก่”
ส่วนการขาดทุนของผมนั้น เป็นการขาดทุนตามธรรมดาของ “ไก่”
ที่ไม่เคยได้กำไรอย่างนักลงทุนที่เป็น “พญาอินทรี” เลย
คอยแต่จะเป็นแมงเม่าอยู่เรื่อย
ชอบบล็อกนี้ครับ ขอบคุณเรื่องราวดีๆที่นำมาให้อ่าน