ปี 2558 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปรับลดลงประมาณ 15% ถือเป็นปีที่แย่มากๆ ปีหนึ่ง นับตั้งแต่วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์เมื่อราวๆ สิบปีก่อน
ในปีนี้ พอร์ตของหลายคนคงติดลบตัวแดง คนจำนวนมากถอดใจและออกจากตลาดไปแล้ว ขณะที่หลายคนยังถือหุ้นอยู่ด้วยเหตุผลเดียวคือ ‘ติดดอย’ ยังลงไม่ได้ แต่ก็มีบางคนที่เอาตัวรอดมาได้
ผมอยากถือโอกาสรีวิวการลงทุนของตัวเองสักเล็กน้อย เพื่อเป็นการทบทวนสิ่งที่ได้ทำมาตลอดปี 2558 นะครับ
ปี 2558 ที่ผ่านมา หุ้นไทยถือว่าแย่เสียเป็นส่วนใหญ่ นำโดยกลุ่มพลังงานที่แย่ต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว และสาหัสขึ้นอีกในปีนี้จากราคาน้ำมันที่ลดลงรุนแรง รวมทั้งกลุ่มเทเลคอมที่มาหักมุมช่วงท้ายปี ดังที่ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าในขณะนี้เศรษฐกิจของประเทศกำลังถดถอย ผลงานโดยรวมของบริษัทจดทะเบียนถือว่าไม่ดี มีผลประกอบการของบริษัทเพียงจำนวนน้อยที่ออกมาในระดับที่น่าพอใจ ไม่ได้แย่เฉพาะกลุ่มที่กล่าวมาข้างต้นเท่านั้น
ในส่วนของผมเอง ผมได้ทำการปรับพอร์ตครั้งใหญ่ โดยตัดสินใจขายหุ้นค้าปลีกสองตัวที่ถือต่อเนื่องมาหลายปีทิ้งไป เพราะเริ่มเห็นข้อจำกัดทางการเติบโต บวกกับภาวะเศรษฐกิจที่เป็นอยู่
จากนั้น ผมเอาเงินไปลงทุนเพิ่มในหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ “การท่องเที่ยว” จำนวนสามตัว ซึ่งเป็นหุ้นเดิมที่ผมถือมาแล้วหลายปี เนื่องจากเล็งเห็นว่าน่าจะได้รับผลกระทบในทางลบจากเศรษฐกิจไทยค่อนข้างน้อย โดยไม่ได้หวังผลบวกอะไรมากนัก
ผมอาศัยจังหวะในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค. ที่หุ้นตกรุนแรงหลายครั้ง (ถ้าจำไม่ผิด บางวันตกลงมามากกว่าห้าสิบจุด) เก็บหุ้นเพิ่มได้เป็นจำนวนมาก ด้วยต้นทุนที่ผมมองว่าหาได้ยากมากจริงๆ
นั่นเป็นสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้พอร์ตของผมเป็นบวกได้ในปีนี้ ทั้งๆ ที่ตลาดติดลบค่อนข้างเยอะ หลังจากหุ้นที่อิงการท่องเที่ยวสามตัวในพอร์ตปรับตัวขึ้น หลังผลประกอบการไตรมาสที่สามประกาศออกมา
นี่จึงเป็นปีที่ผมเอาชนะตลาดได้อีกครั้งหนึ่ง
หากมีใครถามผมว่า สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปมากที่สุดในการลงทุนของผมในปี 2558 คืออะไร ต้องตอบว่า คงไม่ใช่แค่การเปลี่ยนตัวหุ้น หรือผลการลงทุนที่ดีขึ้น หากแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงมุมมองที่มีต่อ ‘ภาพใหญ่’
กล่าวคือ ผมเลิกที่จะลงทุนในตลาดหุ้นไทยแบบ “ซื้ออนาคตไกลๆ” แต่หันมาลงทุนแบบ “ซื้ออนาคตใกล้ๆ” และ “ซื้อปัจจุบัน” เป็นหลัก ผสมผสานไปกับการเน้นซื้อหุ้นที่รายได้หลักมาจากต่างประเทศ และศึกษาข้อมูลเพื่อเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นต่างประเทศไปพร้อมๆ กัน (อันหลังนี่ถือว่าเหนื่อยสุด แต่ก็สนุกและท้าทายดี)
ผมคิดว่า ปี 2559 เป็นปีที่นักลงทุนไทยต้องอยู่กับความเป็นจริงให้มากที่สุด อย่าคาดหวังผลตอบแทนให้สูงนัก แต่ให้ลงทุนแบบประคับประคอง โดยมองหุ้นที่พื้นฐานดี ราคาไม่แพง และมีปันผลพอสมควร เพื่อชดเชยกับการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นซึ่งเป็นสิ่งที่คาดหวังได้น้อย ทั้งนี้ อาจหาจังหวะเข้าซื้อในช่วงที่หุ้นปรับตัวลดลงมากๆ อันน่าจะเกิดขึ้นอยู่เป็นครั้งคราว
ฟังดูเป็นคำแนะนำที่น่าเบื่อ และเคยได้ยินมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ผมก็ยังคิดว่าเราควรทำเช่นนั้นอยู่ดี
สุดท้ายนี้ อยากฝากให้ทุกท่านศึกษาหาความรู้กันไว้เยอะๆ ขอให้จำไว้ว่า “โชค” จะช่วยเราได้เพียงครั้งคราว แต่ “ความรู้” จะช่วยเราได้ตลอดไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
สวัสดีปีใหม่ครับ
ชัชวนันท์ สันธิเดช
Club VI
(31 ธ.ค. 2558)