บทเรียนจาก iPhone กับพลังของหุ้น Apple

170aapl
โดย ชัชวนันท์ สันธิเดช
“ถ้าคุณอยากได้ iPhone 7 แต่ไม่ซื้อ แล้วเอาเงินไปซื้อหุ้น Apple วันนี้เงินจำนวนนั้นจะซื้อ iPhone 8 ได้กี่เครื่อง?”
ก่อนจะตอบคำถามนี้ ขอย้อนความหลังสักนิดหนึ่ง กล่าวคือ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว หลังจาก iPhone 5 เพิ่งวางตลาดได้ไม่นาน ผมเคยเขียนบทความหนึ่งเอาไว้ โดยให้ข้อสรุปว่า
“หากคุณอยากได้ iPhone 4 ในวันแรกที่มันออกขาย แต่คุณอดใจไว้ แล้วเอาเงินจำนวนเดียวกันไปซื้อหุ้น Apple (AAPL) …. 
พอถึงวันที่ iPhone 5 วางตลาด เงินจำนวนนั้นจะทำให้คุณซื้อ iPhone 5 ได้ 2 เครื่อง และเหลือเงินไว้จ่ายค่าโทรศัพท์อีกปีกว่าๆ เลยทีเดียว”
ทั้งนี้โดยใช้สมมุติฐานว่า iPhone ราคาเครื่องละ 25,000 บาท (800 เหรียญ) และเทียบราคาหุ้น ณ วันที่ iPhone 4 วางจำหน่าย (AAPL = 38 เหรียญ) กับวันที่ iPhone 5 วางจำหน่าย (AAPL = 100 เหรียญ)
หรือหากจะยึดเอา iPhone 4S ที่ออกเมื่อวันที่ 14  ต.ค. 2011 (AAPL = 60 เหรียญ) เป็นตัวตั้ง แม้จะซื้อ iPhone 5 ได้ไม่ถึง 2 เครื่อง ก็ขาดเงินอีกแค่ 20%
เอาล่ะครับ กลับมาที่คำถามเดิม มาดูกันว่า สูตรนี้ยังใช้ได้หรือไม่ กับ iPhone 8 ที่จะเปิดตัวในวันที่ 12 ก.ย. 2017 นี้ และจะเปิดจองในอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อไป
IPhone_7_Plus_Jet_Black
iPhone 7 วางขายเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2016 ด้วยราคาไทย 26,500 บาท หรือประมาณ 800 เหรียญเท่าเดิม (เพราะค่าบาทแข็งขึ้น) ซึ่งถ้าคุณไม่ซื้อ แล้วเอาเงินไปซื้อหุ้น Apple (AAPL = 114.92 เหรียญ) คุณจะได้หุ้นประมาณ 7 หุ้น (800/114.92)
ผ่านมาหนึ่งปี หุ้น Apple ปรับตัวขึ้นมาเยอะมาก โดย ณ วันที่ 11 ก.ย. 2017 ที่ผมเขียนบทความนี้อยู่ ก่อน iPhone 8 เปิดตัวไม่กี่ชั่วโมง ราคาอยู่ที่ประมาณ 158 เหรียญ
นั่นแปลว่า ถ้าคุณซื้อมันไว้ 7 หุ้นในวันที่ iPhone 7 วางจำหน่าย มูลค่า AAPL ในมือคุณ จะเพิ่มจาก 800 เหรียญ กลายเป็น 1,106 เหรียญ (158 X 7) หรือเพิ่มขึ้นถึง 38%
เป็นผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!!
แน่นอนครับ เงินจำนวนนั้นยังไม่พอที่จะเอาไปซื้อ iPhone 8 ได้ (เพราะราคาเริ่มต้นของ iPhone 8 คงไม่ต่ำกว่าเดิมแน่ๆ และมีข่าวว่าจะแพงกว่า iPhone 7 ด้วย) แต่นั่นจะทำให้คุณมีเงินเพียงพอสำหรับเอาไปจ่ายค่าโทรศัพท์ได้เกือบ 10 เดือน
โดยสรุป หุ้น AAPL ณ วันนี้ อาจไม่ใช่ดาวรุ่งพุ่งแรงเหมือนเมื่อก่อน และเคยถูกปรามาสว่าได้ผ่านพ้นยุคของการเติบโตไปแล้ว หลังการจากไปของ “ศาสดา” สตีฟ จ็อบส์ แต่มันก็พิสูจน์ตัวเองแล้วว่ายังเป็น Growth Stock ที่ทำผลตอบแทนให้แก่ผู้ลงทุนได้อย่างยอดเยี่ยม
และหนึ่งในผู้ที่ได้กำไรจากมันไปเยอะมากในรอบปีที่ผ่านมา คงไม่มีใครเกินไปกว่า วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนหมายเลขหนึ่งของโลก ที่ปัจจุบันเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ AAPL โดยปู่ครอบครองมันไว้ถึง 135 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 21,000 ล้านเหรียญ ทำกำไรให้ปู่ถึงตอนนี้ไม่น่าจะต่ำกว่า 5,000 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 1.65 แสนล้านบาท
นี่คือผลของการ “เลือกหุ้นถูกตัว” ซึ่งสามารถ “ขยับฐานะ” คุณได้เสมอ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนตัวเล็กๆ หรือเป็นนักลงทุนที่รวยที่สุดในโลกอยู่แล้วก็ตาม!! 
————————-
หมายเหตุ:
– ทุก scenario ที่กล่าวมา ใช้สมมุติฐานโดยยึดเอาราคาเครื่องเปล่าของ iPhone รุ่นเบสิคที่สุดที่ขายในเมืองไทยในเวลานั้น และค่าโทรศัพท์เดือนละ 1,000 บาท
– ข้อมูลทั้งหมด ปรับเป็นพาร์ปัจจุบันแล้วคือ  0.00001 เหรียญ ต่อหุ้น โดย AAPL มีการแตกพาร์ล่าสุดเมื่อปี  2014 ในสัดส่วน 1 ต่อ 7 หุ้น
[ 2nd Image by : Rafael Fernandez ]

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s